การเทรด Long และ Short ใน Crypto Futures: คู่มือการเทรดสำหรับมือใหม่
2025/08/21 09:30:02
ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการเทรดแบบพื้นฐานอย่างการเทรดสปอต (การซื้อและขายสินทรัพย์คริปโตจริง)Crypto Futuresกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับนักลงทุนในการเทรด พร้อมมอบโอกาสสร้างกำไรไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดขาขึ้นหรือขาลง
เพื่อให้เข้าใจ Crypto Futures อย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องรู้จักหลักการพื้นฐานสองอย่างของการเทรดเสียก่อน นั่นคือ'การเทรด Long'และ'การเทรด Short'เมื่อคุณเชี่ยวชาญในแนวคิดเหล่านี้ คุณจะเข้าใจวิธีการสร้างกำไรในทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมี
1. Crypto Futures คืออะไร?

(Source: DA Financial Service Singapore)
กล่าวโดยง่าย Crypto Future คือสัญญาไม่ใช่สินทรัพย์คริปโตตัวจริง สัญญานี้ช่วยให้คุณสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์คริปโตในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ เวลาที่กำหนดในอนาคต
Crypto Futures มีความแตกต่างจากการเทรดสปอต 3 ประการหลักดังนี้
-
สินทรัพย์ที่ทำการซื้อขาย:สิ่งที่ซื้อขายคือสัญญาไม่ใช่ BTC หรือ ETH จริง ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องถือครองเหรียญจริง
-
การเทรดสองทาง:การเทรดสปอตทำได้เพียง "การเทรด Long" เท่านั้น ซึ่งหมายถึงการซื้อราคาต่ำและขายราคาสูงเพื่อทำกำไร แต่การเทรด Futures ช่วยให้คุณสามารถเทรด Longและเทรด Shortได้ เปิดโอกาสสร้างกำไรไม่ว่าราคาตลาดจะขึ้นหรือลง
-
เลเวอเรจ:การเทรด Futures มักจะมาพร้อมฟีเจอร์เลเวอเรจ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมมูลค่าสัญญาที่สูงกว่าด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย จึงเพิ่มโอกาสในการทำกำไร (หรือขาดทุน) ได้เป็นอย่างมาก
2. การเทรด Long คืออะไร?
"การเทรด Long" เป็นกระบวนการพื้นฐานใน Futures Trading แนวคิดหลักคือการคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น.
เมื่อคุณเชื่อว่าราคาของคริปโตเคอร์เรนซี่ตัวใดตัวหนึ่งจะเพิ่มสูงขึ้น คุณสามารถเลือก ‘เทรด Long’ กับสัญญานั้นได้
แนวคิดนี้สอดคล้องกับการเทรดสปอตโดยสมบูรณ์—ซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูง
【ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: การเทรด Long กับ Bitcoin (BTC)】
-
ข้อสมมติ:คุณมีมุมมองเชิงบวกต่อ Bitcoin และเชื่อว่าราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
-
ขั้นตอนที่ 1: ซื้อเมื่อราคาของ BTC อยู่ที่ $30,000 คุณเปิดสถานะ Long บนสัญญา Bitcoin Futures
-
ขั้นตอนที่ 2: ราคาปรับตัวสูงขึ้น ไม่กี่วันต่อมา ราคาของ Bitcoin ปรับขึ้นเป็น $35,000 ตามที่คุณคาดการณ์ไว้
-
ขั้นตอนที่ 3: ขาย คุณปิดสถานะโดยการขายสัญญาที่ราคา $35,000
-
ผลลัพธ์: กำไรของคุณ = ราคาขาย - ราคาซื้อ = $35,000 - $30,000 = $5,000 .
ในการเทรด Futures คุณจำเป็นต้องวางเพียงจำนวนเล็กน้อยในรูปแบบของหลักประกัน (ผ่านเลเวอเรจ) เพื่อควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าเต็มเท่ากับ Bitcoin หนึ่งเหรียญ จึงเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

3. 'Going Short' คืออะไร?
'Going Short' คือสิ่งที่ทำให้การเทรด Futures มีความพิเศษ แนวคิดหลักคือ: เดิมพันว่าราคาจะเป็นขาลง .
เมื่อคุณเชื่อว่าราคาของคริปโตเคอร์เรนซีบางตัวจะลดลง คุณจะเลือก 'Going Short' บนสัญญา
หลักการทำงานคือ "ขายก่อน แล้วค่อยซื้อ" ซึ่งอาจดูย้อนแย้งในตอนแรก แต่มีตรรกะที่ง่าย:
【ตัวอย่างการปฏิบัติ: Going Short บน Ethereum (ETH)】
-
สมมติฐาน: คุณเชื่อว่าราคาของ Ethereum (ETH) จะลดลง และราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,000
-
ขั้นตอนที่ 1: ยืมและขาย ผ่านสัญญา Futures คุณ ยืม ETH จำนวนหนึ่ง และทันที ขาย ETH นั้นที่ราคาปัจจุบัน $2,000
-
ขั้นตอนที่ 2: ราคาลดลง ไม่กี่วันต่อมา ราคาของ ETH ลดลงเหลือ $1,500 ตามที่คุณคาดการณ์ไว้
-
ขั้นตอนที่ 3: ซื้อคืนและคืน คุณ ซื้อคืน ETH จำนวนหนึ่งในราคาที่ต่ำกว่าที่ $1,500
-
ขั้นตอนที่ 4: ปิดสถานะ คุณคืน ETH ให้กับผู้ให้บริการสัญญา ถือเป็นการทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์
-
ผลลัพธ์: กำไรของคุณ = ราคาขาย - ราคาซื้อ = $2,000 - $1,500 = $500 (ไม่รวมค่าธรรมเนียม)
'Going Short' ช่วยให้คุณทำกำไรจากตลาดขาลงผ่านการดำเนินการแบบย้อนกลับ ซึ่งไม่สามารถทำได้ใน การเทรดสปอต

4. ทำไม 'Long' และ 'Short' ถึงมีความสำคัญ?
การรวมกันของสองแนวคิดนี้ช่วยให้การเทรดคริปโตเคอร์เรนซี Futures มีความยืดหยุ่นและมูลค่าทางกลยุทธ์อย่างมหาศาล:
-
การทำกำไรแบบสองทิศทาง: มันทำลายแนวคิดดั้งเดิมที่ว่าคุณสามารถทำกำไรได้เฉพาะในตลาดขาขึ้นและขาดทุนในตลาดขาลง คุณสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าจะเป็นตลาดที่กำลังปรับตัวลงหรือขึ้น
-
การป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ: สำหรับนักลงทุนที่ถือสินทรัพย์การเทรดสปอต (spot assets) จำนวนมากในระยะยาว ฟีเจอร์ "การเปิดสถานะ Short" ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณถือ BTC มูลค่า $100,000 แต่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับฐานระยะสั้น คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงนั้นได้โดยการเปิดสถานะ Short ในสัญญาฟิวเจอร์สที่มีมูลค่าเทียบเท่ากัน หากราคาของ BTC ลดลง 10% การขาดทุนในพอร์ตสปอตของคุณจะได้รับการชดเชยด้วยกำไรจากสัญญาฟิวเจอร์ส ช่วยรักษามูลค่ารวมของสินทรัพย์ของคุณ
5. วิธีการเทรดฟิวเจอร์สสำหรับมือใหม่อย่างปลอดภัย
แม้ว่า "การเปิดสถานะ Long" และ "การเปิดสถานะ Short" จะเป็นโอกาสที่ดี แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเลเวอเรจ (leverage) โปรดจำไว้ว่า: เลเวอเรจสามารถเพิ่มกำไรของคุณได้ แต่ก็สามารถเพิ่มการขาดทุนของคุณได้เช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ บัญชีของคุณอาจเผชิญกับการบังคับขายสินทรัพย์ (liquidation) ซึ่งเงินในบัญชีของคุณจะถูกปิดสถานะออกโดยอัตโนมัติ
【ตัวอย่างการบังคับขายสินทรัพย์เมื่อใช้เลเวอเรจ】
-
สมมติฐาน:คุณมีเงินทุน $100 และต้องการเปิดสถานะ Long ในสัญญา ETH
-
การดำเนินการ:คุณใช้เลเวอเรจ 20x ใช้เงิน $100 ของคุณควบคุมสถานะ Long ที่มีมูลค่า $2,000 ใน ETH
-
ความเสี่ยง:เมื่อราคา ETH ลดลง การขาดทุนของคุณก็จะถูกขยายด้วยเลเวอเรจ 20x หากราคา ETH ลดลงเพียง 5% ($2,000 x 5% = $100) ยอดเงินในบัญชีของคุณจะหมดไป และคุณจะถูกบังคับขายสินทรัพย์

คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น:
-
เริ่มต้นด้วยการเทรดสปอต:ก่อนที่คุณจะเข้าใจพื้นฐานและการควบคุมความเสี่ยงอย่างถ่องแท้ ให้เริ่มต้นด้วยการเทรดแบบไม่มีเลเวอเรจในตลาดสปอต
-
เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย:หากคุณตัดสินใจลองเทรดฟิวเจอร์ส ให้เริ่มด้วยเงินทุนจำนวนเล็กน้อยและเลเวอเรจต่ำมาก (เช่น 2x หรือ 3x)
-
ตั้งจุดหยุดขาดทุนเสมอ:ก่อนทำการเทรดที่มีการใช้เลเวอเรจ คุณต้องตั้งจุดหยุดขาดทุน นี่คือแนวป้องกันที่สำคัญที่สุดเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ
-
เข้าใจราคาบังคับขายสินทรัพย์:ก่อนเข้าสถานะใดๆ ให้มั่นใจว่าคุณทราบราคาที่อาจนำไปสู่การบังคับขายสินทรัพย์อย่างชัดเจน
สรุป
"การเปิดสถานะ Long" และ "การเปิดสถานะ Short" เป็นสองรากฐานสำคัญของตลาดฟิวเจอร์สคริปโต พวกเขาเปิดมุมมองและเครื่องมือใหม่ๆ ให้กับเทรดเดอร์ ช่วยให้เราตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างยืดหยุ่น แต่โปรดให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง (risk management) อยู่เสมอ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการเทรดอย่างระมัดระวังจะนำพาคุณสู่ความสำเร็จในเกมสองทางนี้
อ่านเพิ่มเติม:
-
คู่มือการเทรดฟิวเจอร์ส:https://www.kucoin.com/support/27703947513497
-
KuCoin Futures:https://www.kucoin.com/futures
-
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิวเจอร์ส:https://www.kucoin.com/support/sections/26683146605849
คำปฏิเสธความรับผิดชอบ: หน้านี้แปลโดยใช้เทคโนโลยี AI (ขับเคลื่อนโดย GPT) เพื่อความสะดวกของคุณ สำหรับข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด โปรดดูต้นฉบับภาษาอังกฤษ
