ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเทรดด้วยมาร์จิ้น

การเทรดด้วยมาร์จิ้นใช้กลยุทธ์ขั้นสูงในการเทรดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเทรด โดยใช้เงินจำนวนเล็กน้อยในการจัดการโพสิชันการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเทคนิคที่เรียกว่าเลเวอเรจ ในการดำเนินการช่นนี้ คริปโตจำนวนเล็กน้อยจะถูกใช้เป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืมเงินทุนเพิ่ม ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในโพสิชัน Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) ซึ่งจะช่วยขยายการลงทุนเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่การใช้เลเวอเรจ มาดูแนวคิดสำคัญบางประการที่คุณควรทำความคุ้นเคยกันดีกว่า:

1. Cross และ Isolated Margin
2. การกู้ยืมและดอกเบี้ย
3. Long และ Short
4. อัตราส่วนหนี้สินและการชำระคืน
5. ข้อดีและความเสี่ยง

1. Cross และ Isolated Margin

แพลตฟอร์มการเทรดด้วยมาร์จิ้นของ KuCoin มีสองโหมด ได้แก่ Cross Margin และ Isolated Margin

1.1 Cross Margin

Cross Margin ใช้สินทรัพย์ทั้งหมดในบัญชีมาร์จิ้นของคุณเป็นหลักประกันรวม โดยไม่คำนึงถึงประเภท ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้เงินทุนและลดความเสี่ยงในการชำระบัญชี ข้อได้เปรียบหลักคือความยืดหยุ่น เพาะคุณสามารถยืมโทเค็นที่แตกต่างกันได้โดยไม่จำเป็นต้องสลับการถือครองเหรียญที่มีอยู่ คุณสามารถโอนและใช้โทเค็นทั้งหมดที่สนับสนุนโดย Cross Margin ในบัญชี Cross Margin ได้ บัญชีนี้ได้รับการปฏิบัติในฐานะโพสิช้นเดียวที่มีอัตราส่วนหนี้สินแบบรวม ปัจจุบัน Cross Margin รองรับเลเวอเรจไม่เกิน 5 เท่า

1.2 Isolated Margin

Isolated Margin กำหนดบัญชีที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละคู่เทรด โดยแยกการเทรด ความเสี่ยง และการคำนวณหนี้สิน แนวทางนี้จำกัดการทำธุรกรรม (รวมถึงการโอน การถือครอง หรือการกู้ยืม) ไปยังสองโทเค็นเฉพาะของคู่เทรด ข้อได้เปรียบหลักคือการจัดการความเสี่ยง - ปัญหาหรือความเสี่ยง เช่น การชำระบัญชี จะไม่มีผลต่อบัญชี Isolated Margin อื่นๆ ของคุณ ในขณะที่ปัจจุบัน Isolated Margin รองรับเลเวอเรจไม่เกิน 10 เท่าแ ต่เลเวอเรจสูงสุดสำหรับแต่ละคู่เทรดแตกต่างกัน

1.3 Cross เทียบกับ Isolated Margin

ความแตกต่าง Cross Margin Isolated Margin

บัญชี

บัญชีเดียวสำหรับทุกคู่เทรด บัญชีแยกต่างหากสำหรับแต่ละคู่เทรด
มาร์จิ้น สินทรัพย์ทั้งหมดรวมกันเป็นหลักประกันที่ใช้ร่วมกัน

หลักประกันจำกัดเฉพาะเหรียญเฉพาะของแต่ละคู่เทรด

อัตราส่วนหนี้สิน

อัตราส่วนหนี้สินอัตราเดียวสำหรับทั้งบัญชี คำนวณจากสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมด

อัตราส่วนหนี้สินอิสระสำหรับแต่ละบัญชี ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์และหนี้สินเฉพาะ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง

ความเสี่ยง ความเสี่ยงที่ใช้ร่วมกันในบัญชี โดยจะต้องมีการปรับมาร์จิ้นตามระดับความเสี่ยงโดยรวม หากการชำระบัญชีเกิดขึ้น สินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้บัญชีอาจถูกชำระบัญชี ความเสี่ยงจำกัดอยู่ในแต่ละบัญชี แม้ว่าบัญชีหนึ่งจะมีความเสี่ยงในการชำระบัญชี แต่บัญชีอื่นๆ ก็ไม่ได้รับผลกระทบ

2. การกู้ยืมและดอกเบี้ย

2.1 การกู้ยืม

2.1.1 จำนวนสินทรัพย์ที่ยืมได้

ใน Cross Margin คุณสามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุด 5 เท่า ซึ่งหมายความว่าสามารถกู้ยืมได้สูงสุด 4 เท่าของสินทรัพย์ทั้งหมดในบัญชี Cross Margin ตัวอย่างเช่น 10 USDT ในบัญชี Cross Margin ของคุณช่วยให้คุณสามารถกู้ยืมได้สูงสุด 40 USDT ซึ่งจะเพิ่มเงินทุนที่มีอยู่เป็น 50 USDT นอกจากนี้คุณยังสามารถยืมโทเค็นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถถือ BTC ในบัญชี Cross Margin และยังคงยืมจากโทเค็นอื่นๆ เช่น USDT, ETH และ LUNA นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกที่จะชำระคืนหนี้สินด้วยตนเองได้ตลอดเวลาก่อนวันครบกำหนด

ใน Isolated Margin คุณสามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุด 10 เท่า อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจสูงสุดของแต่ละคู่เทรดแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ด้วย 10 USDT ในบัญชี BTC/USDT Isolated Margin คุณสามารถกู้ยืมได้สูงสุด 90 USDT ซึ่งจะเพิ่มเงินทุนที่มีอยู่เป็น 100 USDT โดยที่บัญชี Isolated Margin ดังกล่าวจะสามารถยืม BTC สำหรับโพสิชัน Short หรือ USDT สำหรับโพสิชัน Long เท่านั้น และไม่สามารถยืมโทเค็นนอกคู่เทรดได้

2.1.2 วิธีการกู้ยืม

เลือกจากวิธีการกู้ยืมมาร์จิ้นที่แตกต่างกันสองวิธี ได้แก่ การกู้ยืมด้วยตนเองหรือการกู้ยืมอัตโนมัติ

กู้ยืมด้วยตนเอง: สินทรัพย์จะถูกยืมด้วยตนเองจากตลาดสินเชื่อก่อนที่จะทำการเทรด

กู้ยืมอัตโนมัติ: ระบบจะยืมสินทรัพย์ให้คุณเมื่อส่งคำสั่ง โดยขึ้นอยู่กับตัวคูณเลเวอเรจที่ตั้งไว้ จำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับการเทรดจะถูกยืม และการส่งคำสั่งจะดำเนินการในเวลาเดียวกัน ซึ่งฟังก์ชันนี้สามารถเปิดหรือปิดได้ตลอดเวลา

2.2 ดอกเบี้ย

ดอกเบี้ยจะคำนวณตามยอดเงินต้น, อัตราดอกเบี้ยรายวัน, และระยะเวลาที่กู้ยืม คุณสามารถตรวจสอบประวัติดอกเบี้ยของคุณได้โดยไปที่คำสั่ง → คำสั่งมาร์จิ้น → Cross Margin/Isolated Margin → ดอกเบี้ย ดังที่แสดงด้านล่าง

Cross Margin1.png

การคำนวณดอกเบี้ย

ดอกเบี้ยเริ่มต้น: เมื่อประสบความสำเร็จในการกู้ยืม ดอกเบี้ยรายชั่วโมง: หลังจากดอกเบี้ยเริ่มต้น ดอกเบี้ยรายชั่วโมงจะถูกคำนวณทุกชั่วโมง

ชำระคืนดอกเบี้ย

คลิกปุ่ม ชำระคืน เพื่อชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ดอกเบี้ยจะสะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวน

การแชร์ดอกเบี้ย

แพลตฟอร์มจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 5% จากดอกเบี้ยสะสมของคุณ และจัดสรรเพิ่มอีก 10% ให้กับกองทุนประกัน

3. โพสิชัน Long และ Short

Long: โดยการซื้อต่ำและขายสูง คุณจะได้กำไรเมื่อราคาตลาดเพิ่มขึ้น เรามาใช้ BTC/USDT เป็นตัวอย่าง หากนักเทรดเชื่อว่าราคาของ BTC กำลังจะเพิ่มขึ้น นักเทรดสามารถเปิดโพสิชัน Long ได้ ซึ่งทำได้โดยการยืม USDT เพื่อซื้อ BTC เพิ่มเติม เมื่อราคาของ BTC เพิ่มขึ้น นักเทรดจะขาย BTC ที่ยืมมาเพื่อชำระคืนหนี้สิน USDT ที่มี และส่วนต่างราคา BTC จะทำหน้าที่เป็นกำไร

Short: โดยการขายสูงและซื้อต่ำ คุณจะได้กำไรเมื่อราคาตลาดลดลง ด้วยตัวอย่าง BTC/USDT เดียวกัน หากนักเทรดเชื่อว่าราคาของ BTC กำลังจะลดลง นักเทรดสามารถเปิดโพสิชัน Short ได้ สิ่งนี้ทำได้โดยการยืม BTC มาเพื่อขาย และเมื่อราคาของ BTC ลดลง นักเทรดจะซื้อ BTC กลับคืนในจำนวนที่เพียงพอที่จะชำระคืนหนี้สินเดิม โดยมีส่วนต่างราคา BTC จะทำหน้าที่เป็นกำไร

4. อัตราส่วนหนี้สินและการชำระคืน

4.1 อัตราส่วนหนี้สิน

อัตราส่วนหนี้สินเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการเทรดด้วยมาร์จิ้น โดยจะเริ่มต้นที่ 0% หากไม่มีการยืมสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่คุณกู้ยืม สินทรัพย์ระบบจะคำนวณอัตราส่วนหนี้สินตามเงินต้น สินทรัพย์ที่กู้ยืมมา และดอกเบี้ยของคุณ โดยสูตรมีดังนี้:

อัตราส่วนหนี้สิน = หนี้สิน / สินทรัพย์ที่มีอยู่

โดยที่

หนี้สินคือผลรวมของสินทรัพย์ที่ยืมมา รวมกับดอกเบี้ยสะสม ภายในบัญชีเฉพาะ ซึ่งคำนวณเป็นยอดรวมของราคาตลาดของสินทรัพย์ที่ยืมทั้งหมด บวกดอกเบี้ยสะสมของสินทรัพย์เหล่านี้ ณ ราคาตลาด

สินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นเพียงราคาตลาดรวมของสินทรัพย์ทั้งหมดที่คุณถือไว้ในบัญชีดังกล่าว

อัตราส่วนหนี้สินจะมีการอัปเดตทุก 5 วินาที ซึ่งคำเตือนจะถูกทริกเกอร์เมื่ออัตราส่วนหนี้สินของคุณถึง 95% โดยที่ KuCoin จะส่ง SMS หรืออีเมลถึงคุณ ตามการตั้งค่าความปลอดภัยของคุณเอง หากอัตราส่วนหนี้สินของคุณถึง 97% การบังคับชำระบัญชีสินทรัพย์ของคุณจะเกิดขึ้น คุณสามารถตรวจสอบอัตราส่วนหนี้สินปัจจุบันของคุณได้จากทั้งบัญชีมาร์จิ้นและหน้าการเทรดมาร์จิ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่บนเวอร์ชันเว็บหรือใช้แอป

เกณฑ์อัตราส่วนหนี้สิน

ตัวคูณเลเวอเรจ

เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจสูงสุด (ไม่รวมดอกเบี้ย) แจ้งเตือน บังคับชำระบัญชี

โอนออก

Cross Margin

1-5x 80% 95% 97% ต่ำกว่า 60%
Isolated Margin 1-10x 90% 95% 97% ต่ำกว่า 60%

cross margin2.png

หมายเหตุ: คุณสามารถโอนเงินบางส่วนออกจากบัญชีมาร์จิ้นได้ก็ต่อเมื่ออัตราส่วนหนี้สินต่ำกว่า 60% ยิ่งอัตราส่วนต่ำเท่าใด จำนวนเงินที่คุณสามารถโอนได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น หากต้องการโอนเงินทั้งหมด โปรดตรวจสอบหนี้สินผ่านหน้า สินทรัพย์มาร์จิ้น และชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดก่อน

ความเสี่ยงต่ำ: อัตราส่วนหนี้สิน ≤ 60%

ความเสี่ยงปานกลาง: อัตราส่วนหนี้สิน 60-90%

ความเสี่ยงสูง: อัตราส่วนหนี้สิน > 90%

ลดความเสี่ยง:

  1. หากต้องการลดอัตราส่วนหนี้สินของคุณ ให้พิจารณาโอนสินทรัพย์เข้าบัญชีมาร์จิ้นมากขึ้น
  2. หรือชำระคืนส่วนหนึ่งของหนี้สินของคุณล่วงหน้า
  3. หมายเหตุ: ราคา Mark จะใช้ในการคำนวณอัตราส่วนหนี้สิน การเทรดด้วยเลเวอเรจมีความเสี่ยงสูงในตลาด แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับกำไรอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอย่างมาก โปรดจำไว้ว่ากำไรในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงผลตอบแทนในอนาคต ความผันผวนของตลาดอย่างรุนแรงอาจนำไปสู่การบังคับชำระบัญชีสินทรัพย์ของคุณได้ โปรดทราบว่าข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน การตัดสินใจเทรดของคุณควรดำเนินการอย่างอิสระและเป็นความเสี่ยงของคุณเอง KuCoin จะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการเทรดด้วยเลเวอเรจ

4.2 ชำระคืน

4.2.1 ดูหนี้สิน

  1. จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชำระคืนที่คุณยืมมา ในโทเค็นประเภทเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หนี้สิน USDT จะต้องชำระคืนด้วย USDT และหนี้สิน BTC ด้วย BTC ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีมาร์จิ้นของคุณมีโทเค็นที่เกี่ยวข้องเพียงพอสำหรับการชำระคืน สูตรสำหรับหนี้สินรวมคือ:
  2. หนี้สินที่ต้องชำระ = สินทรัพย์ที่กู้ยืมมา + ดอกเบี้ยสะสม
  3. คุณสามารถตรวจสอบทั้งหนี้สิน Cross และ Isolated Margin ได้ในหน้าบัญชีมาร์จิ้นcross margin3.png

4.2.2 วิธีชำระคืน

  1. คุณสามารถชำระคืนหนี้สินด้วยตนเองได้ตลอดเวลาก่อนครบกำหนด โปรดจำไว้ว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของคุณจะสะสมเป็นรายชั่วโมง ตามระยะเวลาที่คุณถือครองเงินกู้
  2. การคำนวณดอกเบี้ย: หลังจากกู้ยืมแล้ว อัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณใหม่ทุกชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบันของเงินทุนและสภาพคล่อง
  3. ชำระคืนอัตโนมัติ: หากคุณเลือกใช้การชำระคืนอัตโนมัติเมื่อส่งคำสั่ง จะมีการนำคริปโตเคอเรนซีใดๆ จากคำสั่งที่ดำเนินการแล้วซึ่งตรงกับหนี้ของคุณ ไปชำระคืนโดยอัตโนมัติ

5. ข้อดีและความเสี่ยง

5.1 ข้อดี

การเทรดด้วยมาร์จิ้น เทียบกับ การเทรดสปอต

เลเวอเรจ

รูปแบบผลกำไร

การเทรดด้วยมาร์จิ้น

1. เป็นหลักประกันให้กับสินทรัพย์ที่ถือครอง
2. สามารถยืม USDT หรือเหรียญอื่นๆ เพื่อเทรดมากขึ้น
3. รองรับเลเวอเรจสูงสุด 10x

Long/Short เพื่อทำกำไรในตลาดขาขึ้น/ขาลง

การเทรดสปอต

เทรดด้วยสินทรัพย์ของคุณเองเท่านั้น

ไม่รองรับการขาย Short

การเทรดด้วยมาร์จิ้น เทียบกับ การเทรดฟิวเจอร์ส

การใช้เงินทุน เลเวอเรจ อัตราส่วนความเสี่ยง

การเทรดด้วยมาร์จิ้น

1. เป็นหลักประกันให้กับสินทรัพย์ที่ถือครอง
2. สามารถยืม USDT หรือเหรียญอื่นๆ เพื่อเทรดมากขึ้น
3. เนื่องจากมีการใช้มาร์จิ้นร่วมกันในทุกประเภทเหรียญ เหรียญที่รองรับทั้งหมดจึงสามารถโอนไปยังบัญชี Cross Margin เพื่อเป็นหลักประกันร่วมกันได้
4. รองรับคริปโตหลายหลายเหรียญกว่า
1x — 10x ความเสี่ยงปานกลาง
Exposure น้อยลง
การเทรดฟิวเจอร์ส 1. แต่ละโพสิชันมีความเป็นอิสระ
2. ไม่ได้ใช้หลักประกันร่วมกัน
1x — 100x ความเสี่ยงสูงขึ้น

5.2 ความเสี่ยง

5.2.1 การบังคับชำระบัญชีและการเทคโอเวอร์

การชำระบัญชี: การบังคับชำระบัญชีจะเริ่มขึ้นเมื่อราคา Mark Price ของสินทรัพย์ของคุณทำให้อัตราส่วนหนี้สินถึง 97% ณ จุดนี้ สินทรัพย์ทั้งหมดในบัญชีมาร์จิ้นของคุณจะถูกขายเพื่อชำระหนี้

  1. ทริกเกอร์: เมื่ออัตราส่วนหนี้สินในบัญชีมาร์จิ้น ≥ 97%

  2. 2.1 กระบวนการชำระบัญชี
    การแจ้งเตือน คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทาง SMS, อีเมล, และการแจ้งเตือนในแอปหรือเว็บตามการตั้งค่าบัญชี ข้อจำกัด
    i. ไม่อนุญาตให้ส่งคำสั่งใหม่สำหรับคู่เทรดด้วยมาร์จิ้น
    ii. คำสั่งเทรดด้วยมาร์จิ้นที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ
    iii. ไม่มีโทเค็นที่สามารถโอนเข้าหรือออกจากบัญชีมาร์จิ้นได้ในระหว่างการชำระบัญชี
  1. หลังการชำระบัญชี: ระบบจะทำการปิดโพสิชันและชำระคืนหนี้สิน ในกรณีที่มียอดคงเหลือ จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อย (ประมาณ 1% ของมูลค่าโพสิชันทั้งหมด) เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงสำหรับยอดคงเหลือติดลบ เงินทุนใดๆ ที่ยังคงอยู่หลังจากนั้นจะถูกส่งกลับไปยังบัญชีของคุณเป็น USDT หรือโทเค็นที่ชำระบัญชีที่เทียบเท่า

5.2.2 คำเตือนความเสี่ยง

โปรดตระหนักถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเทรดด้วยมาร์จิ้นและจัดการโพสิชันของคุณทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย คุณต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุนที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบังคับชำระบัญชี ซึ่งมักเป็นผลมาจากความผันผวนของตลาดอย่างรวดเร็วที่ยกระดับอัตราส่วนหนี้สินของบัญชีถึง 97% ทั้งนี้มาตรการเชิงรุก เช่น การตั้งค่า stop-losses และ take-profit เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมความเสี่ยง

นักเทรดในอุดมคติสำหรับการเทรดด้วยมาร์จิ้น

1. สถาบันหรือนักเทรดที่มีประสบการณ์
2. นักเทรดสปอตที่แสวงหาผลกำไรด้วยเลเวอเรจ
3. นักเทรด API เชิงปริมาณ
4. บุคคลที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงกว่า
5. นักขุด

การเทรดด้วยมาร์จิ้นเป็นที่ชื่นชอบในโลกของคริปโตเคอเรนซี เนื่องจากความสามารถในการใช้เงินทุนขนาดเล็กเพื่อผลตอบแทนที่อาจได้รับมาก ซึ่งการทำความเข้าใจหลักการและการดำเนินงานเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องไม่มองข้ามการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การเพิ่มเงินลงทุนเพื่อมุ่งหวังผลกำไรที่สูงขึ้นอาจส่งผลเสียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูง โดย KuCoin ขอแนะนำให้ตั้งค่า stop-loss และ take-profit เพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

👉 พร้อมหรือยัง? เริ่มต้นเส้นทางการเทรดด้วยมาร์จิ้นของคุณวันนี้!