img

Bitcoin Futures for Dummies: คู่มือแรกของคุณสำหรับ BTC Perpetual Contracts

2025/08/05 10:33:02

Bitcoin perpetual futures ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการเทรดคริปโตยุคใหม่ อาจดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่ คู่มือนี้มีเป้าหมายที่จะช่วยให้คุณเข้าใจเครื่องมือนี้อย่างชัดเจน ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์ระดับสูง โดยเราจะอธิบายว่า Bitcoin perpetual futures คืออะไร ทำงานอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือวิธีการจัดการความเสี่ยงในการเทรด

Bitcoin Perpetual Futures คืออะไร?

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดิมพันราคาของ Bitcoin ในอนาคตโดยไม่จำเป็นต้องถือครอง Bitcoin จริง นั่นคือแก่นแท้ของ Bitcoin perpetual futures contract ต่างจากสัญญาฟิวเจอร์สแบบดั้งเดิมที่มีวันหมดอายุและการชำระทางกายภาพ สัญญา perpetual futures ไม่มีวันหมดอายุหรือเรียกได้ว่าเป็น "ตลาดสปอตที่มีเลเวอเรจและไม่มีวันหมดอายุ"คุณสมบัติสำคัญนี้ทำให้ผู้เทรดสามารถถือสถานะได้อย่างไม่มีกำหนด ตราบใดที่ยังคงมีหลักประกันเพียงพอ

Bitcoin perpetual futures contract เป็นข้อตกลงทางการเงินที่ให้คุณซื้อหรือขาย Bitcoin ในราคาที่กำหนดในอนาคต แต่มีความแตกต่างสำคัญคือไม่มีวันหมดอายุ คุณสามารถถือสถานะได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่คุณมีเงินทุนเพียงพอในบัญชีของคุณ

ราคาของสัญญา perpetual contract ถูกออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับราคาสปอตของ Bitcoin โดยใช้กลไกที่เรียกว่าfunding rate Funding rate คือการจ่ายเงินเล็กน้อยระหว่างผู้ที่ถือสถานะ long และ short หากราคาสัญญา perpetual สูงกว่าราคาสปอต ผู้ถือสถานะ long จะจ่ายให้ผู้ถือสถานะ short และในกรณีที่ราคาสัญญา perpetual ต่ำกว่าราคาสปอต ผู้ถือสถานะ short จะจ่ายให้ผู้ถือสถานะ long การปรับราคานี้อย่างต่อเนื่องช่วยให้ราคาของสัญญา perpetual ใกล้เคียงกับตลาดสปอต ทำให้เป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับการเก็งกำไรและการป้องกันความเสี่ยง

ข้อดีและข้อเสียของ Leverage

Custom Image

ภาพ: VocalMedia

Leverage คือสิ่งที่ทำให้การเทรด Perpetual Futures น่าสนใจและท้าทายมากขึ้น มันช่วยให้คุณสามารถควบคุมสถานะการลงทุนขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนหรือหลักประกันเพียงเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น หากใช้ Leverage 10x คุณสามารถเปิดสถานะมูลค่า $10,000 โดยใช้เงินของตัวเองเพียง $1,000 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Leverage จะขยายทั้งกำไรและขาดทุน การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์พื้นฐานเพียง 1% จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสถานะของคุณถึง 10% ยิ่งใช้ Leverage สูงมากเท่าไหร่ สถานะของคุณก็จะยิ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากขึ้นเท่านั้น

  • Leverage ต่ำ(เช่น 2x-5x): ช่วยให้คุณมีพื้นที่ระหว่างการเทรดมากขึ้น โดยทั่วไปจะเหมาะสำหรับมือใหม่ การแกว่งของราคาเพียงเล็กน้อยจะไม่ทำให้เกิดการ Liquidation ทันที ซึ่งคือการปิดสถานะโดยอัตโนมัติเนื่องจากมีหลักประกันไม่เพียงพอ
  • Leverage สูง(เช่น 50x-100x): เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ซึ่งควรใช้เฉพาะผู้เทรดที่มีประสบการณ์ การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้หลักประกันของคุณหมดไป การใช้ Leverage สูงเปรียบเสมือนมีมีดผ่าตัด—ในมือของผู้เชี่ยวชาญมันสามารถทำงานอย่างแม่นยำ แต่ในมือของผู้ไม่มีประสบการณ์มันอาจก่อความเสียหายร้ายแรง

การเข้าใจราคาที่ก่อให้เกิด Liquidationเป็นสิ่งสำคัญมาก นี่คือราคาที่สถานะของคุณจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ ยิ่งใช้ Leverage สูง ราคาที่ก่อให้เกิด Liquidation ก็จะยิ่งใกล้กับราคาที่คุณเข้าสถานะ

คุณสามารถใช้KuCoin Futures’s calculatorเพื่อคำนวณราคาที่ก่อให้เกิด Liquidation

ภาพประกอบพิเศษ

กลไกการเทรด: คู่มือแนะนำทีละขั้นตอน

การดำเนินการเทรดเกี่ยวข้องกับมากกว่าการคลิก "ซื้อ" หรือ "ขาย" การเข้าใจประเภทของคำสั่งซื้อขายต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อการควบคุมที่แม่นยำ

ประเภทคำสั่งซื้อขายทั่วไป:

  • Market Order: คำสั่งซื้อขายนี้จะดำเนินการทันทีในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเข้าหรือออกจากการเทรด แต่คุณจะไม่สามารถควบคุมราคาที่ได้รับได้อย่างแน่นอน
  • Limit Order: คุณสามารถตั้งราคาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย คำสั่งจะถูกดำเนินการเมื่อราคาตลาดถึงราคาที่คุณตั้งไว้เท่านั้น วิธีนี้ช่วยให้คุณควบคุมราคาได้ แต่ไม่มีการรับประกันว่าคำสั่งจะถูกดำเนินการ
  • Stop-Market Order: นี่คือเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงสำคัญ คุณสามารถตั้ง "Stop Price" ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้น จะดำเนินการคำสั่งซื้อขายในราคาตลาดเพื่อปิดสถานะของคุณ
  • Stop-Limit Order:การแปลข้อความ: ข้อความนี้อธิบายถึงการดำเนินการและแนวคิดในเรื่องของการเทรดแบบใช้หลักประกัน รวมถึงการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยละเอียดตามหัวข้อต่อไปนี้: This works similarly to a Stop-Market order, but instead of placing a market order, it places a limit order once the stop price is triggered. ทำงานคล้ายกับคำสั่ง Stop-Market แต่แทนที่จะส่งคำสั่งแบบ Market จะเป็นการส่งคำสั่งแบบ Limit ทันทีเมื่อราคาหยุดถูกกระตุ้น

### การเปิดและปิดสถานะ:

  • #### การเปิดสถานะ: เพื่อเปิดสถานะ คุณต้องตัดสินใจก่อนว่าจะเลือกสถานะ Long (หากคุณเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้น) หรือสถานะ Short (หากคุณเชื่อว่าราคาจะลดลง) หลังจากนั้น คุณจะเลือกเลเวอเรจ ใส่ขนาดสถานะที่ต้องการ และเลือกประเภทคำสั่ง
  • #### การปิดสถานะ: คุณสามารถปิดสถานะด้วยตัวเองได้ตลอดเวลา หรือสามารถให้สถานะปิดโดยอัตโนมัติด้วยคำสั่ง Stop-Loss หรือ Take-Profit หรือในกรณีที่เงินหลักประกันของคุณหมดลง (Liquidation)

### การจัดการความเสี่ยงไม่ใช่กลยุทธ์ แต่มันคือพื้นฐาน

### รูปภาพที่กำหนดเอง

การเทรดเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการรักษาเงินทุนไว้ หลักการสำคัญสำหรับการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพมีดังนี้:

### ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักประกันของคุณ:

  • #### หลักประกันเริ่มต้น (Initial Margin): จำนวนเงินที่คุณต้องฝากเพื่อเปิดสถานะที่มีการใช้เลเวอเรจ
  • #### หลักประกันขั้นต่ำ (Maintenance Margin): จำนวนเงินขั้นต่ำที่คุณต้องมีในบัญชีเพื่อคงสถานะการเทรดไว้ หากมูลค่าบัญชีของคุณลดต่ำกว่าระดับนี้ สถานะของคุณจะถูก Liquidate (บังคับปิด)

### สถานการณ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์: การ Liquidation

การ Liquidation คือการปิดสถานะที่มีการใช้เลเวอเรจโดยอัตโนมัติโดยแพลตฟอร์ม เมื่อหลักประกันของคุณลดต่ำกว่าหลักประกันขั้นต่ำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อทิศทางตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะของคุณจนเงินในบัญชีไม่พอที่จะครอบคลุมความเสียหาย เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ คุณต้องกำหนดราคาที่จะ Liquidate ไว้ในใจและจัดการตำแหน่งของคุณอย่างเหมาะสม ยิ่งเลเวอเรจสูง ราคาที่จะ Liquidate ก็จะยิ่งใกล้กับราคาที่คุณเริ่มต้นสถานะ

### ตาข่ายนิรภัยของคุณ: พลังของคำสั่ง Stop-Loss

#### คำสั่ง Stop-Loss คืออะไร Stop-Loss order เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของคุณ มันคือคำสั่งที่ตั้งค่าให้ปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

  • ### วิธีตั้งค่า Stop-Loss: หลักการที่ดีคือการตั้งค่า Stop-Loss ตามเปอร์เซ็นต์เล็ก ๆ ของเงินทุนทั้งหมดของคุณ (เช่น 1-2%) ตัวอย่างเช่น หากคุณมีทุน $1,000 คุณจะไม่เสี่ยงเกิน $20 ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • ### ทำไมถึงสำคัญ: การตั้งค่า Stop-Loss จะช่วยป้องกันความผิดพลาดเล็ก ๆ ไม่ให้กลายเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ โดยการตั้งค่า Stop-Loss จะช่วยลดอารมณ์ในกระบวนการเทรด และบังคับให้คุณปฏิบัติตามแผนที่วางไว้

กลยุทธ์ล็อกกำไร: Take-Profit

การจัดการผลกำไรสำคัญพอ ๆ กับการจัดการการขาดทุน โดย คำสั่ง Take-Profit จะปิดสถานะของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อถึงราคาที่กำหนด เพื่อรักษากำไรที่คุณได้รับ และช่วยป้องกันไม่ให้การเทรดที่มีกำไรกลายเป็นการสูญเสีย หากตลาดมีการพลิกกลับ

  • การจัดขนาดสถานะ: อย่าเสี่ยงมากเกินกว่าร้อยละเล็ก ๆ ของพอร์ตทั้งหมดในแต่ละการเทรด กฎทั่วไปที่นิยมคือการเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของทุนในการเทรดแต่ละครั้ง
  • ใช้ Stop-Loss อย่างเคร่งครัด: Stop-Loss คือเครื่องมือป้องกันความเสียหายของคุณ โดยจะช่วยป้องกันความผิดพลาดเล็ก ๆ ไม่ให้กลายเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ หากไม่มี Stop-Loss คุณจะเพียงแค่หวังว่าจะดีที่สุด ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของความล้มเหลว
  • เริ่มต้นเล็ก ๆ: หากคุณเป็นมือใหม่ ให้เริ่มต้นด้วยขนาดสถานะที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และใช้เลเวอเรจต่ำ เน้นการทำความเข้าใจกลไกและการจัดการอารมณ์ของคุณก่อนที่จะขยายขนาดการเทรด
  • ทำความเข้าใจ Funding Rate: ระวัง Funding Rate การถือครองสถานะเป็นเวลานานเมื่อ Funding Rate ไม่เอื้ออำนวย อาจทำให้กำไรของคุณลดลง

สรุป

สัญญา Bitcoin Perpetual Futures เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีความยืดหยุ่นในการเทรดในตลาดคริปโต แม้ว่าจะมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน กุญแจสู่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การค้นหาเครื่องมือการเทรดมหัศจรรย์ แต่ อยู่ที่การมีวินัยในการจัดการความเสี่ยง , การเข้าใจกลไกของสัญญา และ ความสามารถทางอารมณ์ในการปฏิบัติตามแผนของคุณ . เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจต่ำ เรียนรู้การใช้ Stop-Loss อย่างชำนาญ และอย่าเสี่ยงมากเกินกว่าที่คุณสามารถจะสูญเสียได้

คำปฏิเสธความรับผิดชอบ: หน้านี้แปลโดยใช้เทคโนโลยี AI (ขับเคลื่อนโดย GPT) เพื่อความสะดวกของคุณ สำหรับข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด โปรดดูต้นฉบับภาษาอังกฤษ